Friday, June 28, 2013

จากการศึกษาข้อมูลของมะขามเปรี้ยว ดูเหมือนจะไม่มีข้อเสียใดๆ ไ่ม่ว่าจะทั้งการปลูก การดูแล และด้านการตลาด และด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายๆ คนใ้ห้ความสนใจพืชตัวนี้พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น
มะขามเปรี้ยวฝักขนาดใหญ่ 4-5 ฝัก/กก.
เป็นไม้ผลที่ขึ้นง่ายไม่ต้องดูแลมาก
เป็นพืชทนแล้งสามารถเจริญเติบโตได้ดีแม้ในพื้นที่ที่แห้งแล้ง

http://glamdring.baac.or.th/Upload/Webboard/1326811782_15%E0%B8%A1%E0%B8%8455%20084-10.jpg

และทางด้านการตลาดนั้นก็ดูจะยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่
เป็นพืชเศรษฐกิจที่จะสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร
มีความต้องการเป็น 100 เป็น 1000 ตัน
ราคามะขามเปรี้ยวแกะเมล็ดแล้วจะมีราคากิโลกรัมละ 20-40 บาท
มะขามฝักใหญ่แบบสดจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 – 20 บาท

มะขาม เปรี้ยวเป็นพืชที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง โดยใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร ยา และเครื่องใช้ในครัวเรือน และยังทำเป็นในรูปอุตสาหกรรมได้อีก เช่นโรงงานน้ำพริก เครื่องปรุงน้ำพริกมะขามเปียกสำเร็จรูป สมุนไพรบำรุงผิวพรรณ เครื่องสำอาง ไวน์ แยม ซอสมะขาม ลูกอม เครื่องดื่ม ชามะขาม เยลลี่ ยาระบาย ยาลูกกกลอน 

ตลาดสำหรับมะขามเปรี้ยวถือว่ากว้างมากเหมาะสำหรับเป็นไม้ผลในการแปรรูปเป็นระบบอุตสาหกรรม และยังมีตลาดสำหรับการส่งออกอีก

ผลผลิตต่อต้น 500 - 1000 กก.


ฟัง ดูดีมากๆเลยใช่มั้ยคะ จึงอยากสอบถามถึงพี่น้องในเว็บแห่งนี้ใครที่เคยปลูกแล้วมีผลิตแล้ว ขายได้แล้ว อยากถามจริงๆเลยค่ะ ว่าเป็นดั่งคำโฆษณาข้างต้น หรือไม่ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นที่ต้องการปลูกต่อไปนะคะ

สำหรับไร่ชม จันทร์เอง ปลูกมา 3 ปี กำลังจะให้ผลผลิต ของบอกว่า feedback ทางการตลาดอ่อนมากค่ะ สำหรับพืชตัวนี้ เทียบกับมะกรูดตัดใบ แต่ไม่ถึงกับไม่มีตลาดเลยนะคะ เนื่องจากมะขามเปียกจะถูกซื้อเข้าห้องเย็นในราคาถูกช่วงที่ผลผลิตออกมามากๆ และจะกักตุนไว้ สักระยะ รอให้มะขามเปียกขาดตลาด ก็จะนำออกมาขายในราคาที่สูงขึ้นกว่าเท่าตัวหรือมากกว่า เพราะมะขามเปียกถ้าแช่เย็นจะอยู่ได้เป็นปีๆ แต่ผลผลิตที่ออกจากไร่จะมีแค่ปีละครั้งเท่านั้น  งานนี้เลยไม่รู้ว่าผลเกษตรกรรวย หรือ คนมีห้องเย็นรวย หรือเกษตรกรควรจะสร้างห้องเย็น คิดซี่คิดซี่

จากการศึกษาการตลาดเอง หลังปลูกไปแล้ว เช็คราคาขายปลีกอยู่ประมาณ 70-100 สำหรับมะขามเปียก ราคากลางตลาดไทเฉลี่ยที่ 39 บาท  มะขามสดโลละ 7-8 บาท

ทีนี้มาดูผู้รับซื้อดูบ้าง
จาก การสอบถามผู้ที่รับซื้อ เค้าบอกว่าไม่อยากรับซื้อมะขามเปรี้ยวฝักยักษ์ไปทำมะขามเปียก เนื่องจากน้ำหนักหายไปเยอะมากๆ หลังจาแกะเปลือกและเมล็ดออกแล้ว หายไปประมาณ 60-70%  ราคาที่เค้ารับซื้อกันก็ไม่เกิน 20 บาท หักค่าคนงาน ค่าโน่น ค่านี่ ค่านั่น น่าจะราคาเนตที่ 10 บาท

และถ้าน้ำหนักฝักแห้งต่อต้น อยู่ที่ 500 กก. หลังแกะแล้วน้ำหนักหายไป 70% ก็จะได้อยู่ที่ต้นละ 150 กก x 10 บาท เท่ากับขายได้ต้นละ 1500 บาท โดยประมาณ สำหรับมะขามเปียก ถ้าคิดที่ราคากลางก็จะได้ 150 กก. x 40 บาท เท่ากับต้นละ 6000

ถ้าเป็นมะขามสด ต่อต้นอยู่ที่ 500-1000 กก. คิดที่ 700 กก แล้วกัน น้ำหนักไม่หาย x โลละ 7-8 บาท เท่ากับขายได้ต้นละ 4900 - 5600 บาท

ทีนี้ขอเสียงผู้ที่ปลูกมะขามเปรี้ยว ตัวจริง เสียงจริง ขายได้แล้วจริงๆ เข้ามาคอนเฟิมหน่อยค่ะว่าจริงแท้เป็นอย่างไรกันบ้าง

การเพาะปลูกมะขาม

มะขาม

การปลูก
กำหนดหลุมปลูกในแปลงก่อน โดยใช้ระยะปลูก 8 x 8 เมตร (ระยะห่างระหว่างแถว 8 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 8 เมตร) ซึ่งจะปลูกได้ 25 ต้นต่อไร่ ควรมีการเตรียมหลุมปลูกขนาดกว้าง x ยาว x ลึก 60 x 60 x 60 เซนติเมตร ดินที่ขุดจากหลุมปลูกให้แยกเป็นสองกอง คือ ดินชั้นบนและดินชั้นล่าง ตากดินที่ขุดขึ้นมาทิ้งไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วผสมดินทั้งสองกองด้วยปุ๋ยคอก ประมาณ 1-2 บุ้งกี๋ต่อหลุม จากนั้นจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอาดินชั้นบนลงไว้ก้นหลุมก่อนแล้วจึงกลบทับด้วยดินชั้นล่าง สำหรับฤดูปลูกควรจะปลูกต้นฤดูฝน เพราะเมื่อปลูกเสร็จแล้วต้นมะขามที่ยังเล็กอยู่จะได้รับน้ำฝน สามารถตั้งตัวได้ดีก่อนจะเขาถึงฤดูแล้ง ต้นมะขามที่ปลูกใหม่ควรจะผูกยึดกับหลัก เพื่อให้ต้นมะขามขึ้นตรงไม่โค่นล้มเนื่องจากลมแรงก่อนจะปลูก หากปลูกด้วยกิ่งทาบจำเป็นต้องแกะเอาเชือกฟางหรือผ้าพลาสติกตรงรอยต่อออก เพราะถ้าไม่ได้แกะออก จะทำให้ต้นมะขามแคระแกร็นหรืออาจจะตายได้

ในช่วงแรกของการปลูก เนื่องจากการปลูกมะขามหวาน ใช้ระยะห่าง 8 x 8 เมตร ขณะที่มะขามหวานยังเล็กอยู่ อาจจะปลูกพืชแซมระหว่างแถวได้ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง สับปะรด หรือพริก อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ต่อเนื้อที่ให้มากขึ้น

การให้น้ำ
ในระยะปลูกใหม่ หากฝนไม่ตก จำเป็นต้องรดน้ำทุก ๆ วัน ประมาณ 1 สัปดาห์ จนกว่าจะตั้งตัวได้ จากนั้นจึงเว้นช่วงเวลาการรดน้ำให้ห่างกว่าเดิม อาจจะเป็น 3 หรือ 7 วันครั้ง สำหรับมะขามหวาน เมื่อต้นโตให้ผลผลิตแล้ว ควรจะให้น้ำเดือนละครั้งจะช่วยให้ต้นแข็งแรงสมบูรณ์

การใส่ปุ๋ย
สำหรับมะขามหวานต้นเล็กยังไม่ออกผล อายุ 1-3 ปี ควรให้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 450 กรัมต่อต้น (ประมาณ 1 กระป๋องนม) ในปีแรกแบ่งใส่ 3 ครั้ง (4 เดือนต่อครั้ง) จำนวน 100, 150, 200 กรัม ตามลำดับ สำหรับปีต่อ ๆ ไป ให้เพิ่มปุ๋ยมากขึ้นตามจำนวนอายุที่มากขึ้น เมื่อมะขามตกผลแล้วควรใส่ปุ๋ยสูตร 12-12-17 หรือ 13-13-21 โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง คือช่วงต้นฝน และปลายฝน ซึ่งจะช่วยให้มีการติดผลมากขึ้น และเพิ่มความหวานด้วย อัตราที่ใส่คำนวณจากสูตรดังนี้

จำนวนปุ๋ยที่ใส่ (กก.) = อายุต้นมะขาม /2

เช่น ถ้าต้นมะขามอายุ 2 ปี จะต้องใส่ปุ๋ยสูตร 12-12-17 หรือ 13-13-21 จำนวน จำนวน = 2/2 = 1 กิโลกรัม โดยแบ่งใส่ต้นฝน .5 กิโลกรัม และปลายฝนอีก .5 กิโลกรัม
การปลูกมะขาม

http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201210/01/61560f8e7.jpg
'การปลูกมะขาม'

สร้างสวนมะขาม
ระยะปลูก 8 X 8 เมตร
กำหนดหลุมปลูกในแปลงก่อน โดยใช้ระยะปลูก 8 x 8 เมตร (ระยะห่างระหว่างแถว 8 เมตร ระยะห่างระหว่างต้น 8 เมตร) ซึ่งจะปลูกได้ 25 ต้นต่อไร่
ควรมีการเตรียมหลุมปลูกขนาดกว้าง x ยาว x ลึก 60 x 60 x 60 เซนติเมตร ดินที่ขุดจากหลุมปลูกให้แยกเป็นสองกอง คือ ดินชั้นบนและดินชั้นล่าง ตากดินที่ขุดขึ้นมาทิ้งไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แล้วผสมดินทั้งสองกองด้วยปุ๋ยคอก ประมาณ 1-2 บุ้งกี๋ต่อหลุม จากนั้นจึงกลบดินลงไปในหลุมตามเดิม โดยเอาดินชั้นบนลงไว้ก้นหลุมก่อนแล้วจึงกลบทับด้วยดินชั้นล่าง
สำหรับฤดูปลูกควรจะปลูกต้นฤดูฝน เพราะเมื่อปลูกเสร็จแล้วต้นมะขามที่ยังเล็กอยู่จะได้รับน้ำฝน สามารถตั้งตัวได้ดีก่อนจะเขาถึงฤดูแล้ง ต้นมะขามที่ปลูกใหม่ควรจะผูกยึดกับหลัก เพื่อให้ต้นมะขามขึ้นตรงไม่โค่นล้มเนื่องจากลมแรงก่อนจะปลูก หากปลูกด้วยกิ่งทาบจำเป็นต้องแกะเอาเชือกฟางหรือผ้าพลาสติกตรงรอยต่อออกเพราะถ้าไม่ได้แกะออก จะทำให้ต้นมะขามแคระแกร็นหรืออาจจะตายได้
ในช่วงแรกของการปลูก เนื่องจากการปลูกมะขามหวาน ใช้ระยะห่าง 8 x 8 เมตร ขณะที่มะขามหวานยังเล็กอยู่ อาจจะปลูกพืชแซมระหว่างแถวได้ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง สับปะรด หรือพริก อันจะเป็นการเพิ่มรายได้ต่อเนื้อที่ให้มากขึ้น
'การเก็บเกี่ยว'
การเก็บเกี่ยวมะขาม
ส่วนมากจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ในระหว่างเดือนธันวาคม ถึงเดือนมีนาคม ของปีถัดไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งปลูกและสภาพดินฟ้าอากาศ การเก็บฝักมะขามควรใช้กรรไกรตัดขั้วให้หลุดออกจากกิ่ง ไม่ควรใช้มือปลิดเพราะจะทำให้ฝักแตก หากมีฝักแตกแล้วโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าทำลายมีมาก ฝักมะขามสามารถเก็บไว้ในถุงพลาสติก ในอุณหภูมิปกติได้นานถึง 6 เดือน

'ผลผลิต'
ผลผลิตมะขาม
หวานแต่ละพันธุ์ให้ผลผลิตไม่เท่ากันและไม่แน่นอน ในพันธุ์เดียวกัน ถ้าปลูกต่างสถานที่ ซึ่งมีดินฟ้าอากาศและการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน ย่อมให้ผลผลิตต่างกัน การที่ขนาดของฝักเล็กหรือใหญ่นั้นมีผลทำให้ราคาไม่เท่ากัน ราคาของมะขามหวานอาจมีตั้งแต่ 50 บาทถึง 200 บาท ต่อกิโลกรัม ดังนั้นการที่จะปลูกมะขามหวานให้ได้ราคาดี ควรจะปลูกด้วยพันธุ์ดี โดยใช้กิ่งทาบหรือกิ่งติดตา จะทำให้ไม่กลายพันธุ์และจำเป็นต้องดูแลรักษาให้ดีด้วย เพื่อที่จะได้มะขามที่มีฝักขนาดมาตรฐานมีความสม่ำเสมอและคุณภาพดี

'การดูแลรักษาต้นมะขามหลังการเก็บเกี่ยว'
การ
ดูแลรักษาต้นมะขามหลังการเก็บเกี่ยว หลังเสร็จสิ้นการเก็บเกี่ยวแล้ว ให้ทำการตัดแต่งกิ่งมะขาม โดยตัดแต่งกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ กิ่งที่เป็นโรคหรือมีแมลง หรือกิ่งที่ไขว้กันออก และให้ใช้สีน้ำพลาสติกหรือยากันราทารอยแผลเพื่อป้องกันโรคราที่จะเกิดขึ้นภายหลัง สำหรับกิ่งที่ถูกตัดออก ควรรีบนำออกจากแปลงมะขามไปทิ้งหรือทำลายที่อื่น โดยเฉพาะกิ่งที่เป็นโรคหรือมีแมลง ควรรีบทำลายโดยการนำไปเผาทิ้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคหรือแมลง

การขยายพันธ์มะขาม
http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201210/01/61560fe48.jpg
'การขยายพันธุ์'

หวานนิยมขยายพันธุ์ด้วยการทาบกิ่ง แต่อาจจะขยายพันธุ์ด้วยการติดตาและการต่อยอดได้ด้วย การทาบกิ่งใช้ต้นตอที่มีอายุประมาณ 8 เดือน เมื่อหุ้มขุยมะพร้าวแล้วนำไปทาบกับพันธุ์ที่ต้องการ หลังจากทาบแล้ว 45 วัน จึงตัดมาปักชำจนเจริญเติบโตดีแล้วนำลงปลูก สำหรับมะขามเปรี้ยวอาจจะใช้วิธีการขยายพันธุ์ดังกล่าวข้างต้นหรือใช้เมล็ดหยอดในหลุมปลูกเลยก็ได้
'การทาบกิ่ง' 'การเสียบกิ่ง'



'การทาบกิ่ง'
1. ต้นตอและกิ่งพันธุ์ที่จะทาบ
2. เฉือนต้นตอและกิ่งพันธุ์
3. ทาบต้นตอเข้ากับกิ่งพันธุ์
4. พันรอยทาบด้วยพลาสติก
5. ทาบเสร็จเรียบร้อย
6. ประมาณ 45 วัน รอยแผลจะประสานกันสังเกตุรากต้นตอเดิม
7. ตัดกิ่งพันธุ์ไปชำ
8. นำไปชำ

'การเสียบกิ่ง'
1. อุปกรณ์การเสียบกิ่ง (เสียบข้าง)
2. ต้นตอ
3. เฉือนและเปิดเปลือกต้นตอ
4. กิ่งพันธุ์กับต้นตอ
5. เสียบกิ่งพันธุ์กับต้นตอ
6. พันกิ่งพันธุ์เข้ากับต้นตอด้วยพลาสติก
7. เสียบข้างเสร็จเรียบร้อย
8. หลังเปิดพลาสติกมีการควั่นเปลือกต้นตอเป็นการเร่งกิ่งพันธุ์ให้แตกใบ
9. กิ่งพันธุ์ดีที่นำมาเสียบติดและเจริญ
10. ภาพรวมทั้งต้นตอทั้งหมด
ถิ่นกำเนิดมะขามhttp://www.rd1677.com/backoffice/PicUpdate/49349.jpg


'ถิ่นกำเนิด'


มะขามมีถิ่นกำเนิดในแถบร้อนของทวีปแอฟริกา และแพร่กระจายไปยังอินเดีย และเอเซีย สำหรับในประเทศไทยมีปรากฎอยู่ทั่วไปในแถบภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะฝั่งแม่น้ำโขง เช่น จังหวัดแพร่ น่าน ลำปาง เพชรบูรณ์ หนองคาย เลย นครพนม อุบลราชธานี เป็นต้น 



'ลักษณะทางพฤกษศาสตร์'

มะขาม
เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง เป็นไม้ยืนต้นที่มีลักษณะต้นเป็นพุ่มรูปวงกลมขนาดใหญ่ ทรงพุ่มอาจจะแผ่กว้างถึง 20 เมตร ให้ร่มเงาหนาทึบ ลำต้นสูงประมาณ 60 ฟุต เปลือกสีน้ำตาลอ่อนแตกสะเก็ดเป็นร่องเล็ก ๆ ใบจะเรียงตัวแบบสลับ ความยาวประมาณ 7-15 เซนติเมตร ใบย่อยจะเรียงตัวเป็นคู่ ประมาณ 10-20 คู่ เมื่อใบแก่จะสลับใบทิ้งแล้วแตกใบอ่อนขึ้นมาแทนในราวเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน หลังจากนั้นตาดอกจะเจริญและพัฒนาเป็นกิ่งและช่อดอกที่สมบูรณ์ในเดือนพฤษภาคม ดอกจะบานในปลายเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ดอกมะขามเป็นช่อเล็ก ๆ อยู่ปลายกิ่ง มีประมาณ 10-15 ดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ คือมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน ช่อดอกยาว 5-10 เซนติเมตร กลีบรองมีสีเหลืองอ่อนค่อนข้างหนามีทั้งหมด 4 กลีบ กลีบดอกสีชมพูปนขาวอยู่ภายในมี 3 กลับ กลุ่มเกสรตัวผู้รูปร่างเป็นหลอด ส่วนเกสรตัวเมียมี 3 กะเปาะ แต่ละกะเปาะมีอับเรณูบรรจุอยู่ ฝักหรือผลมะขามมีความยาวตั้งแต่ 7.5-20 เซนติเมตร แต่ละข้อจะคอดเล็กน้อย มีเมล็ดสีดำหรือน้ำตาลเข้มรูปค่อนข้างกลมห่อหุ้มด้วยเนื้อสีน้ำตาล คุณภาพของเนื้อที่ดีจะต้องไม่มีเปลือก ใบ และสิ่งเจือปน มีความชื้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ กรด 10-13 เปอร์เซ็นต์ น้ำตาล 10-30 เปอร์เซ็นต์ และสารละลายอื่น ๆ 3-4 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปริมาณกรดและน้ำตาลในฝักมะขามอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับพันธุ์ การดูแลรักษาและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ


'ลักษณะของฝัก'
พอแยกได้ 4 ชนิด คือ

ฝักดาบ มีลักษณะฝักค่อนข้างแบนและโค้งเล็กน้อยคล้ายดาบ
ฝักฆ้อง มีลักษณะฝักโค้งวนมาเกือบจรดกัน มีลักษณะเหมือนฆ้องวง
ฝักดิ่ง มีลักษณะฝักเหยียดตรงค่อนข้างยาว
ฝักดูก มีลักษณะเป็นปล้อง ๆ ข้อถี่ เปลือกนูนขึ้นมาเป็นเหลี่ยมมองเห็นได้ชัดเจน
ฝักดาบ
ฝักฆ้อง
ฝักดิ่ง


การดูแลรักษามะขาม

http://www.freephotothailand.com/gallery/albums/userpics/10001/tamarind01.jpg
'การดูแลรักษา'
การให้น้ำ การกำจัดวัชพืช
การใส่ปุ๋ย โรคและแมลง


'การให้น้ำ'


ในระยะปลูกใหม่ หากฝนไม่ตก จำเป็นต้องรดน้ำทุก ๆ วัน ประมาณ 1 สัปดาห์ จนกว่าจะตั้งตัวได้ จากนั้นจึงเว้นช่วงเวลาการรดน้ำให้ห่างกว่าเดิม อาจจะเป็น 3 หรือ 7 วันครั้ง สำหรับมะขามหวาน เมื่อต้นโตให้ผลผลิตแล้ว ควรจะให้น้ำเดือนละครั้งจะช่วยให้ต้นแข็งแรงสมบูรณ์

'การกำจัดวัชพืช'
การป้องกันกำจัด ใช้สารเคมีพวกไดโคฟอล (dicofol)
ในระยะที่ต้นยังเล็กอยู่จำเป็นต้องกำจัดวัชพืชเป็นระยะไป อย่าให้วัชพืชแย่งน้ำและอาหารได้ การทำความสะอาดรอบโคนต้นอาจจะเป็นการกำจัดวัชพืชแล้วยังสามารถทำลายแหล่งอาศัยของโรคและแมลงได้ด้วย

'การใส่ปุ๋ย'
สำหรับมะขามหวานต้นเล็กยังไม่ออกผล อายุ 1-3 ปี ควรให้ปุ๋ยสูตร 12-24-12 อัตรา 450 กรัมต่อต้น (ประมาณ 1 กระป๋องนม) ในปีแรกแบ่งใส่ 3 ครั้ง (4 เดือนต่อครั้ง) จำนวน 100, 150, 200 กรัม ตามลำดับ สำหรับปีต่อ ๆ ไป ให้เพิ่มปุ๋ยมากขึ้นตามจำนวนอายุที่มากขึ้น เมื่อมะขามตกผลแล้วควรใส่ปุ๋ยสูตร 12-12-17 หรือ 13-13-21 โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง คือช่วงต้นฝน และปลายฝน ซึ่งจะช่วยให้มีการติดผลมากขึ้น และเพิ่มความหวานด้วย อัตราที่ใส่คำนวณจากสูตรดังนี้
จำนวนปุ๋ยที่ใส่ (กก.) = อายุต้นมะขาม /2
เช่น ถ้าต้นมะขามอายุ 2 ปี จะต้องใส่ปุ๋ยสูตร 12-12-17 หรือ 13-13-21 จำนวน จำนวน = 2/2 = 1 กิโลกรัม โดยแบ่งใส่ต้นฝน .5 กิโลกรัม และปลายฝนอีก .5 กิโลกรัม

'โรคและแมลง'
โรคและแมลงที่พบเสมอในการปลูกมะขามได้แก่
โรคราแป้งของมะขาม หนอนเจาะลำต้นและกิ่ง หนอนเจาะฝัก
หนอนปลอก หนอนบุ้ง เพลี้ยต่าง ๆ ไร


'โรคราแป้งของมะขาม'
โรคนี้เกิดจากเชื้อราออยเดียม (Oidium sp.) เข้าทำลายส่วนของใบอ่อน กิ่งอ่อน และฝักอ่อน ถ้าเป็นมากจะทำให้ส่วนที่เป็นแห้งตายได้ ช่วงที่ราแป้งระบาดมากที่สุดคือช่วงต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว
การป้องกันกำจัด โดยใช้สารเคมีพวกเบโนมิล (benomyl), ไดโนแคป (dinocap), ไพราโวฟอส (pyrazophos) หรือกำมะถัน

'หนอนเจาะลำต้นและกิ่ง'
หนอนชนิดนี้จะเข้าทำลายกิ่งมะขาม โดยทำลายกิ่งที่ค่อนข้างเล็กเป็นส่วนใหญ่ ทำให้กิ่งแห้งตาย
การป้องกันกำจัด ตัดกิ่งที่ถูกหนอนทำลายไปเผา หมั่นตรวจดูสภาพกิ่งและลำต้นของมะขาม หากพบเป็นรูและมีร่องรอยการทำลายคือเป็นขุย ๆ ให้ใช้สารเคมีฆ่าแมลงประเภทดูดซึมเข้าไปในรูแล้วเอาดินเหนียวอุดไว้

'หนอนเจาะฝัก'


หนอนเจาะฝัก


เกิดจากผีเสื้อวางไข่เป็นกลุ่มๆ ละ 2-3 ฟอง ที่ใบหรือฝักมะขามเมื่อฟักออกมาเป็นตัวหนอน ๆ จะเจาะเข้าไปในฝัก โดยกินบริเวณผิวเปลือกก่อนจากนั้นจะเจาะกินเข้าไปภายในฝัก
การป้องกันกำจัด หมั่นตรวจดูฝักที่ถูกหนอนทำลาย ซึ่งร่วงหล่นตามโคนต้น ให้เก็บไปเผาหรือทำลาย และใช้สารเคมีฆ่าแมลงกลุ่มคาร์บาริล (carbaryl) พ่นป้องกันในระยะที่ฝักมะขามยังอ่อน

ตัวหนอนเจาะฝัก


'หนอนปลอก'
เกิดจากผีเสื้อกลางคืน ตัวผู้มีขนาดเล็ก มีหนวดคล้ายแปรงหวีผม แต่ตัวเมียไม่มีปีกและขา อาศัยและวางไข่อยู่ในปลอด เมื่อไข่ฟักเป็นตัว ตัวอ่อนจะออกมาแทะเล็มและกัดกินใบมะขามพร้อมกับทำรังหุ้มตัวและเกาะอยู่ใต้ใบหรือตามก้านใบ
การป้องกันกำจัด ใช้สารเคมีฆ่าแมลงกลุ่มไตรคลอร์ฟอน (trichlorfon)

'หนองบุ้ง'
ทำลายที่ใบ ระบาดมากในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในแปลงขยายพันธุ์หรือต้นพันธุ์ที่ชำไว้ซึ่กำลังแตกใบอ่อน
การป้องกันกำจัด ใช้สารเคมีพวกพาราไธออน (parathion)

'เพลี้ยต่าง

เพลี้ยแปังทำลายมะขาม


ดูดกินน้ำเลี้ยงที่ใบและฝัก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้ฝักมะขามแตกได้
การป้องกันกำจัด ใช้สารเคมีพวกพาราไธออน (parathion)

เพลี้ยหอยทำลายมะขาม


'ไร'
ลักษณะการทำลายคล้ายกับพวกเพลี้ย
Design by Guru